แอสตาแซนทินเป็นสารอาหารหนึ่งที่โด่งดังด้วยผลวิจัยทางการแพทย์มากมาย
แอสต้าแซนทิน เป็นสารอาหารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ carotenoid ที่ได้จากปลาทะเลและสาหร่ายสีแดงพันธุ์ Haematococcus Pluvialis และ สัตว์ทะเลบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาเทาน์ กุ้ง และ ลอปสเตอร์
นานมาแล้ว ในวงการเลี้ยงปลาสวยงามจะรู้จักแอสตาแซนทินในชื่อคลอโรฟิลพิงค์ ที่ผสมในอาหารเลี้ยงปลาเพื่อเร่งสีให้เนื้อปลาสวยงามเร็วยิ่งขึ้น
astaxanthin ต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ที่สามารถนำไปสู่การออกซิเดชั่นและอาจนำไปสู่ริ้วรอยก่อนวัยของเซลล์ จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสารต่าง ๆ ดังนี้
มากกว่าวิตามินอี แอลฟา โทโคฟีรอล 550 เท่า
มากกว่าเบต้า แคโรทีน 40 เท่า
มากว่าเมล็ดองุ่นสกัด 17 เท่า
มากกว่าวิตามินซี 6000 เท่า
มากกว่า โคเอนไซม์คิวเท็น 800 เท่า
มากกว่าสารในชาเขียว 550 เท่า
มากกว่า แอลฟา ไลโปอิก เอซิด 75 เท่า
ในการกำจัดอนุมูลอิสระ
มากกว่าเบต้า แคโรทีน 40 เท่า
มากว่าเมล็ดองุ่นสกัด 17 เท่า
มากกว่าวิตามินซี 6000 เท่า
มากกว่า โคเอนไซม์คิวเท็น 800 เท่า
มากกว่าสารในชาเขียว 550 เท่า
มากกว่า แอลฟา ไลโปอิก เอซิด 75 เท่า
ในการกำจัดอนุมูลอิสระ
แอสต้าแซนทิน ยังมีคุณสมบัติในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ ปกป้อง DNA หรือ สารพันธุกรรมในเซลล์จากการถูกทำลาย ซึ่งป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ เป็นการป้องกันมะเร็งได้ ป้องกันเซลล์ผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดด และ มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน
แอสตาแซนทินสามารถใช้ร่วมกับสารสกัดเมล็ดองุ่นในการป้องกันเส้นเลือดเสื่อม และ เส้นเลือดขอดได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของแอสต้าแซนทิน
1. ป้องกัน และ ฟื้นฟูจอตาที่เสื่อม ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งจอตาจะเป็นจุดรับภาพของลูกตา ช่วยยับยั้งการสะสมของกรดในดวงตา อันเป็นสาเหตุให้ดวงตาอ่อนล้า ช่วยป้องกันดวงตาจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต
2. ป้องกันการเสื่อมของไต และ หลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
3. ป้องกัน และ บำบัดในผู้ป่วยความจำเสื่อม และ พาร์กินสัน
4. ปรับสมดุลของโคเลสเตอรอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง LDL ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลตัวร้าย ช่วยให้ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นมากขึ้น ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ควรใช้ร่วมกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
5. ลดภาวะอักเสบในร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยภูมิแพ้ตัวเอง ภูมิต้านทานต่ำ และ การติดเชื้อไวรัสเรื้อรัง เช่น กลุ่มผู้ป่วย AIDS ผู้ติดเชื้อไวรัสงูสวัด และ เริม
6. ทำให้สเปิร์มแข็งแรงขึ้น
7. ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อมีความทนทานมากขึ้น
8. ปกป้องโครงสร้างผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย
9. ปรับสมดุลความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจ
10. ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากอักเสบหรือโต และ มะเร็งต่อมลูกหมาก
11. ช่วยการซ่อมแซม และ ฟื้นฟูเซลล์สมองและหลอดเลือดในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก หรือ ผู้ป่วยที่ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
3. ป้องกัน และ บำบัดในผู้ป่วยความจำเสื่อม และ พาร์กินสัน
4. ปรับสมดุลของโคเลสเตอรอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง LDL ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลตัวร้าย ช่วยให้ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นมากขึ้น ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ควรใช้ร่วมกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
5. ลดภาวะอักเสบในร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยภูมิแพ้ตัวเอง ภูมิต้านทานต่ำ และ การติดเชื้อไวรัสเรื้อรัง เช่น กลุ่มผู้ป่วย AIDS ผู้ติดเชื้อไวรัสงูสวัด และ เริม
6. ทำให้สเปิร์มแข็งแรงขึ้น
7. ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อมีความทนทานมากขึ้น
8. ปกป้องโครงสร้างผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย
9. ปรับสมดุลความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจ
10. ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากอักเสบหรือโต และ มะเร็งต่อมลูกหมาก
11. ช่วยการซ่อมแซม และ ฟื้นฟูเซลล์สมองและหลอดเลือดในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก หรือ ผู้ป่วยที่ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในอาหารของมนุษย์มายาวนานหลายพันปี เช่น เนื้อปลาแซลมอนที่มีสีเข้มขนาดหนึ่งหน่วยบริโภคจะมีสารแอสตาแซนทิน 3 - 6 มิลลิกรัม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหลายการทดลองทางคลินิก ที่ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองรับประทานอาหารที่ผลิตจาก Microalgae ที่อุดมไปด้วยแอสตาแซนทิน40 มิลลิกรัมต่อวัน
นับตั้งแต่ปี 1995 มีการจำหน่ายแอสตาแซนทินในรูปแบบอาหารในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดแอสตาแซนทินตั้งแต่ปี 1999 โดยไม่มีการรายงานถึงผลกระทบทางด้านลบแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น